สำหรับท่านที่ไม่ค่อยมีความรู้ และไม่อยากศึกษาข้อมูลมาก ทางร้านก็มีชุดมาตรฐานจัดไว้ให้แล้ว
มีทั้งความยาวแบบ 5 เมตร และ 10 เมตร สามารถกดเลือกดูสินค้า ได้ที่นี่เลย
แต่สำหรับท่านที่ต้องการสั่งสเปคพิเศษ ทั้งในด้านของความสว่าง สี และความยาว
ที่ชุดมาตรฐานของร้านไม่สามารถตอบสนองความต้องการของท่านได้ รบกวนอ่านข้อมูลเพิ่มเติมด้านล่าง
เพื่อตัดสินใจก่อนสั่งซื้อต่อไปค่ะ
อันดับแรกคำถามที่หลายๆท่านสงสัย ไฟเส้นมีเยอะมากเลย แต่ละรุ่นต่างกันอย่างไร
อันดับแรก คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่าไฟเส้นนั้นมี 2 ประเภท หลักๆ
คือไฟเส้น 12 โวลท์ และ ไฟเส้น 220 โวลท์ สามารถอ่านเนื้อหาเพิ่มเติม ได้ที่บทความนี้
โปรดเข้าใจว่าจะไม่สามารถใช้ตัวแปลงไฟข้ามรุ่นกันได้ระหว่าง 12 โวลท์ และ 220 โวลท์
เนื่องจากมีลูกค้าหลายท่านได้อ่านเนื้อหาแล้ว แต่ไม่พยายามทำความเข้าใจในข้อนี้
ข้อแตกต่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนระหว่างตัวไฟ 12 โวลท์ และ 220 โวลท์
1.ระยะตัดของไฟเส้น 220 โวลท์คือทุก 1 เมตร แต่ระยะตัดของไฟ 12 โวลท์จะสั้นกว่า มีตั้งแต่ 1.4 - 5 เซนติเมตร
แล้วแต่รุ่นของสายไฟ
2.ขนาดของสายไฟ ไฟเส้น 220 โวลท์ จะมีขนาดเส้นที่ใหญ่และหนา เพราะต้องหุ้มด้วยท่อยาง
เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดจากกระแสไฟ ในขณะที่ไฟเส้น 12 โวลท์ ไม่จำเป็นที่จะต้องหุ้มท่อยางเพราะกำลังไฟที่ไม่สูงมาก
ทำให้ไม่อันตรายกับผู้ใช้งาน ในกรณีที่ถูกไฟดูด จะรู้สึกเจ็บนิดๆเหมือนมดกัดเท่านั้น
3.ลูกเล่นที่ใช้ได้ ไฟเส้น 220 โวลท์ จะสามารถใช้งานได้แค่เพียงเปิด - ปิด เท่านั้น แต่ไฟเส้น 12 โวลท์
สามารถใช้งานคู่กับคอนโทรลเลอร์แบบต่าง เพื่อสร้างเอฟเฟคของแสงไฟได้ เช่นการปรับระดับความสว่างของแสง
ปรับจังหวะการกระพริบ หรือใช้โหมดควบคุมอัตโนมัติที่มีมาให้พร้อมกับคอนโทรลเลอร์แต่ละรุ่น
เมื่อเลือกได้แล้วว่าต้องการซื้อไฟเส้น 12 โวลท์ หรือ 220 โวลท์
ก็เป็นขั้นตอนของการเลือกสี คุณลูกค้าที่ต้องใช้ไฟโทนสีขาว มักจะมีปัญหาว่าสีขาวมีหลายโทน จะใช้โทนไหนดี
สามารถอ่านบทความเกี่ยวกับการเลือกสีที่เหมาะสมกับหน้างาน ได้ที่บทความนี้
แต่คุณลูกค้าที่ต้องการใช้ไฟแบบสี สามารถเลือกสีที่ต้องการได้เลยค่ะ
ในส่วนแรกเราจะอธิบายถึงข้อมูลของไฟเส้น 12 โวลท์
สำหรับท่านที่ต้องการซื้อไฟ 220 โวลท์ สามารถเลื่อนข้ามไปอ่านในส่วนท้ายของบทความได้เลยค่ะ
สำหรับท่านที่เลือกได้แล้วว่าต้องการใช้ไฟแบบ 12 โวลท์นะคะ เราก็มาเลือกกันต่อ ว่าต้องการใช้แบบกันน้ำหรือไม่
และถ้าต้องใช้แบบกันน้ำ ต้องกันระดับไหน ข้อมูลส่วนนี้ในรายละเอียดสินค้าจะมีบอกอยู่แล้วค่ะ สามารถกดเข้าไปอ่านได้เลยค่ะ
IP33 คือไม่กันน้ำ (สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ แต่ต้องปิดไฟระหว่างทำความสะอาด)
IP65 สามารถโดนน้ำฝนได้ (แต่ไม่ถึงกับแช่น้ำ)
และ IP67 สามารถแช่น้ำได้ (แต่ต้องระวังทุกจุดเชื่อมต่อ ไม่ให้น้ำเข้าได้)
สุดท้ายก็มาเลือกกันที่ว่าจะเอาชิพแบบไหนดี แต่ละชิพมีความแตกต่างกันอย่างไร เริ่มต้นกันที่ชิพมาตรฐานที่ใช้กันทั่วไป คือ ชิพ 5050
ชิพ 5050 จะมีลักษณะชิพเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ใช้กระแสไฟ 1.2 แอมป์ หรือ 14.4 วัตต์ต่อเมตร
ความยาว 1 เมตรจะมีชิพจำนวน 60 ดวง ระยะตัดคือทุก 5 เซนติเมตร ชิพแบบนี้ความสว่างจะอยู่ในระดับมาตรฐาน
เหมาะสำหรับใช้ภายในบ้าน เพราะมีราคาถูก เช่น ซ่อนฝ้า ใช้ในห้องน้ำ ใช้กับตู้โชว์ ใช้ซ่อนใต้เตียง
แต่ไม่ค่อยเหมาะที่จะใช้กับตู้โชว์สินค้า เพราะไฟรุ่นนี้สว่างไม่มาก ตู้โชว์สินค้าของคุณจะดูด้อยไปเลยเมื่อเทียบกับร้านของคู่แข่งที่อยู่ใกล้ๆกัน
สำหรับท่านที่มีงบมากขึ้นมาหน่อย ต้องการใช้ในบ้าน แต่อยากได้แสงสว่างที่มากกว่าตัวมาตรฐาน
หรือสำหรับท่านที่ต้องการใช้ในงานตกแต่งตู้โชว์สินค้า ประดับบูท ขอแนะนำเป็น ชิพ 5630
ชิพ 5630 จะมีลักษณะชิพเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้กระแสไฟ 1.8 แอมป์ หรือ 21.6 วัตต์ต่อเมตร
ความยาว 1 เมตรจะมีชิพจำนวน 90 ดวง ระยะตัดคือทุก 3.25 เซนติเมตร ชิพแบบนี้ความสว่างจะอยู่ในระดับสูง
เหมาะสำหรับใช้ติดตั้งกับทุกงาน และทุกพื้นที่ ที่ต้องการความสว่างของแสงไฟ
ชิพ 3014 จะมีลักษณะชิพเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเม็ดเล็ก ใช้กระแสไฟ 1.5 แอมป์ หรือ 18 วัตต์ต่อเมตร
ความยาว 1 เมตรจะมีชิพจำนวน 204 ดวง ระยะตัดคือทุก 1.5 เซนติเมตร
ชิพแบบนี้ความสว่างของแต่ละชิพจะอยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก แต่มีเนื่องจากมีจำนวนชิพมากถึง 204 ดวง ต่อเมตร
ทำให้ความสว่างรวมที่ได้ออกมาอยู่ในระดับสูง และยังมีข้อดีอีกอย่างคือเนื่องจากมีความถี่ของชิพมาก
จึงช่วยลดช่องว่างของแสงระหว่างชิพ LED แต่ละดวงได้ เหมาะสำหรับใช้ในบ้าน หรืออาคารสำนักงาน
และบริเวณจัดแสดงสินค้าที่ ต้องการความเรียบเนียนของแสงเป็นพิเศษ
สุดท้ายคือ ชิพ 2835 และ 3528 ทางร้านมักไม่ค่อยแนะนำให้ลูกค้าใช้ไฟเส้นประเภทนี้
เนื่องจากตัวไฟเส้น เหมาะสำหรับงานตกแต่งที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ โดยระบุว่าต้องใช้ไฟประเภทนี้ตกแต่งในบางจุดเท่านั้น
ในส่วนที่สองนี้จะเป็นข้อมูลของไฟเส้น 220 โวลท์
ความสว่างเทียบกันของไฟเส้นทั้ง 3 รุ่น โดยเรียงลำดับจากซ้ายไปขวา ดังนี้
1.เส้นซ้ายสุดคือตัวชิพ 5050 จำนวน 60 ดวงต่อเมตร รุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่สว่างน้อยที่สุด
2.เส้นกลางคือตัวชิพ 3014 จำนวน 120 ดวงต่อเมตร รุ่นนี้จะเป็นรุ่นยอดนิยมที่ขายดีที่สุด เพราะสว่างกว่าตัว 5050
ความเรียบเนียนระหว่างรอยต่อของแสงมีมากกว่า เพราะจำนวนหลอดถี่กว่า เส้นเล็ก สามารถจับดัดงอทำให้ติดตั้งได้ง่ายกว่า
3.เส้นขวาสุดคือตัวชิพ 2835 แถวคู่ จำนวน 120 ดวงต่อเมตร รุ่นนี้จะเป็นรุ่นที่สว่างที่สุด แต่ตัวเส้นค่อนข้างหนา
เพราะเป็นแถวคู่ น้ำหนักมาก จึงเหมาะกับการติดตั้งในพื้นที่ๆที่เป็นเส้นตรง เช่นขอบอาคารด้านนอกตัวตึก
สนามกีฬา เป็นต้น
ชิพ 5050 จะมีลักษณะชิพเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ใช้กระแสไฟ 4.8 วัตต์ต่อเมตร
ความยาว 1 เมตรจะมีชิพจำนวน 60 ดวง ระยะตัดคือทุก 1 เมตร ชิพแบบนี้ความสว่างจะอยู่ในระดับมาตรฐาน
เหมาะสำหรับใช้ภายในบ้าน เพราะมีราคาถูก เช่น ซ่อนฝ้า ใช้ในห้องน้ำ ใช้กับตู้โชว์ ใช้ซ่อนใต้เตียง
แต่ ไม่ค่อยเหมาะที่จะใช้กับตู้โชว์สินค้า เพราะไฟรุ่นนี้สว่างไม่มาก ตู้โชว์สินค้าของคุณจะดูด้อยไปเลยเมื่อเทียบกับร้านของคู่แข่งที่อยู่ใกล้ๆ กัน และตัดแบ่งได้ทุก 1 เมตร ทำให้เดินสายไฟเส้นในตู้ลำบาก
ชิพ 3014 จะมีลักษณะชิพเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเม็ดเล็ก ใช้กระแสไฟ 6.4 วัตต์ต่อเมตร
ความยาว 1 เมตรจะมีชิพจำนวน 120 ดวง ระยะตัดคือทุก 1 เมตร ชิพแบบนี้ความสว่างของแต่ละชิพจะอยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก
แต่มีเนื่องจากมีจำนวนชิพมากถึง 120 ดวง ต่อเมตร ทำให้ความสว่างรวมที่ได้ออกมาอยู่ในระดับสูง มากกว่าตัว 5050 แบบ 60 ดวงต่อเมตร
และยังมีข้อดีอีกอย่างคือเนื่องจากมีความถี่ของชิพมาก จึงช่วยลดช่องว่างของแสงระหว่างชิพ LED แต่ละดวงได้ เหมาะสำหรับใช้ในบ้าน หรืออาคารสำนักงาน และบริเวณจัดแสดงสินค้า ที่ต้องการความเรียบเนียนของแสงเป็นพิเศษ
อีกทั้งตัวท่อของ รุ่น 3014 มีขนาดค่อนข้างเล็ก บาง และเบา ง่ายต่อการติดตั้ง โดยเฉพาะงานที่ต้องการเน้นความสวยงาม
ของการติดตั้งสายไฟ โดยเฉพาะตามขอบหรือตามมุมต่างๆมากเป็นพิเศษ
ชิพ 2835 ตัวชิพมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ใช้กระแสไฟ 9.6 วัตต์ต่อเมตร ความยาว 1 เมตรจะมีชิพจำนวน 120 ดวง
(เป็นแบบแถวคู่ คือแถวบน 60 และแถวล่าง 60 ดวง) ระยะตัดคือทุก 1 เมตร ชิพแบบนี้ความสว่างของแต่ละชิพจะค่อนข้างสูง
นับว่าเป็นรุ่นที่มีความสว่างมากที่สุดเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ เหมาะกับการติดตั้งในพื้นที่ๆที่เป็นเส้นตรง เช่นขอบอาคารด้านนอกตัวตึก
สนามกีฬา เป็นต้น